วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

spider

             




 แมงมุมทารันทูราเป็นแมงมุมดึกดำบรรพ์ จากการสำรวจพบว่า
แมงมุมทารันทูรา  มีมากกว่า 700 ชนิด ทารันทูราแต่ละชนิดมี
ความเป็นอยู่หลากหลาย บางชนิด อยู่ในพื้นที่กึ่งทะเลทราย
บางชนิดอาศัยในป่าร้อนชื้น บางชนิดอาศัยในรู และบางชนิด
อยู่บนต้นไม้  ทารันทูราล่าเหยื่อด้วยการกัดบางชนิดสามารถ
ป้องกันตัวโดยการเตะขนที่ก้น เพื่อให้ปลิวไปถูกศัตรูเพื่อให้เกิด
อาการคัน  ในธรรมชาติทารันทูรา หาอาหารด้วยวิธีการล่าเหยื่อ
ไม่ใช่สร้างใยให้เหยื่อมาติดแบบแมงมุมในกลุ่ม spider
ทารันทูราสามารถอดอาหารได้นานหลายเดือน การที่แมงมุมหยุด
กินอาหารในบางช่วงจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่  แต่การได้รับอาหารอย่าง
สม่ำเสมอก็ทำให้ทารันทูราเจริญเติบโตเร็วอีกด้วย
คนไทยเรียกว่าบึ้ง มีชนิด บึ้งดำบึ้งลายบึ้งน้ำตาลบึ้งน้ำเงินทารันทูรามีการลอกคราบ ในวัยเล็กจะมีการลอกคราบบ่อย มากกว่า
สัปดาห์ละครั้ง เมื่อโตมากขึ้นระยะห่างการลอกคราบแต่ละครั้งจะเพิ่ม
ขึ้น เช่นเดือนละ1ครั้ง ถึงปีละ 2 ครั้งเมื่อโตเต็มวัย
อายุขัย ตัวผู้จะมีอายุประมาณ 2 ปี ตัวเมียสามารถมีอายุได้ถึง 20ปี
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดด้วย
ปัจจุบันแมงมุมทารันทูราได้ถูกนำออกจากป่ามาเลี้ยงในเมือง โดยผู้
หลงใหลในชีวิตสัตว์โลก และได้ทำการเพาะพันธุ์แมงมุม เพื่อดำรง
สายพันธุ์แมงมุมให้คงอยู่ในโลกต่อไปในยุคสังคมเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว 
ท่านผู้สนใจเริ่มเลี้ยงทารันทูราควรตระหนักว่า ทารันทูราทุกชนิดกัดได้
ไม่ควรจับเล่นแม้แต่แมงมุมที่คิดว่าเชื่อง
ถ้าถามว่าแมงมุมกัดคนตายหรือไม่  คำตอบคือ ไม่ มีอยู่เพียง สายพันธุ์ที่มีพิษร้ายแรง Pterinochilus, Poecilotheriaไม่รวมจำพวกtrapdoor, spider แต่สายพันธุ์อื่นก็ต้องระวังเช่นกันเพราะขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนมีอาการแพ้เพียงใด

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

OH MY GOD













งู (อังกฤษSnake, Serpent) เป็นสัตว์เลื้อยคลานอันดับหนึ่ง ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่วทั้งลำตัว ลักษณะลำตัวยาวซึ่งโดยขนาดของความยาวนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของงู ปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น จัดอยู่ในชั้น Reptilia, ตระกูลSquamata, ตระกูลย่อย Serpentes โดยทั่วไปแล้วงูจะกลัวและไม่กัด นอกเสียจากถูกรบกวนหรือบุกรุก จะเลื้อยหลบหนีเมื่อมีสิ่งใดเข้ามาใกล้บริเวณที่อยู่ ออกล่าเหยื่อเมื่อรู้สึกหิว โดยกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร ยกเว้นงูบางชนิดที่กินงูด้วยกันเอง เช่น งูจงอาง สามารถมองเห็นได้ดีในที่มืดและในเวลากลางคืน[1]
โดยทั่วไปจะออกลูกเป็นไข่ ยกเว้นแต่งูที่มีพิษซึ่งมีผลโดยตรงทางด้านโลหิต (วงศ์งูหางกระดิ่ง((Viperidae)) ซึ่งจะออกลูกเป็นตัว เช่น งูแมวเซาธรรมชาติโดยทั่วไป งูจะลอกคราบเมื่อมันเริ่มโตขึ้น ทำให้ผิวหนังของงูเริ่มแข็งและคับขึ้น[2] ซึ่งงูจะลอกคราบบ่อยครั้งเมื่องูยังมีอายุไม่มากนัก ซึ่งภายหลังจากการลอกคราบของงู จะทำให้ผิวหนังเก่าหลุดออก แต่เซลล์สีที่ทำให้งูมีสีสันยังคงอยู่ในตัวงู ทำให้เกล็ดที่ปกคลุมผิวหนัง มีสีสันสดใสรวมทั้งทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน มีงูถูกค้นพบแล้วประมาณ 2,700 ชนิด แต่เป็นงูไม่มีพิษประมาณ 2,300 ชนิด
สำหรับในประเทศไทยมีงูจำนวนมากตามสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิต ทั่วทุกภูมิภาพของประเทศไทยสามารถพบเห็นงูได้มากกว่า 180 ชนิด โดยเป็นงูที่มีพิษจำนวน 46 ชนิด และสามารถจำแนกงูที่มีพิษออกได้อีก 2 ประเภทคือ
  1. งูที่มีพิษ โดยอาศัยอยู่บนบก จำนวน 24 ชนิด
  2. งูที่มีพิษ โดยอาศัยอยู่ในทะเล จำนวน 22 ชนิด
ซึ่งโดยรวมแล้วงูที่มีพิษนั้น ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ งูที่มีพิษต่อระบบประสาทและงูที่มีพิษต่อระบบโลหิ

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จงดู


Frog กบ เป็น สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป แต่ ธรรมชาติก็มีสิ่งที่ทำให้เราต้องประหลาดใจอยู่บ่อย เมื่อ กบ บางชนิดกับทิ้งแหล่งน้ำขึ้นไปอาศัยบนต้นไม้ แต่ต้องประหลาดใจมากขึ้นไปอีกเมื่อมี กบ บางสายพันธุ์ที่วิวัฒนาการ จนสามารถเคลื่อนที่ ถลาร่อน ไปในอากาศ ระหว่างต้นไม้ หรือ พื้นดินได้อย่างคล่องแคล่ว

รายละเอียด เกี่ยวกับ กบบินได้

  • กบบินได้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ กบบินเวลเลส (Wallace's Flying Frog) และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rhacophorus nigropalmatus
  • โดย Wallace นั้นเป็นชื่อที่ตั้งให้เพื่อให้เป็นเกียรติ แก่ นักธรรมชาติวิทยา ชาวอังกฤษ นามว่า Alfred Russel Wallace ผู้ซึ่งเป็นคนแรกที่ได้บรรยายถึงสายพันธุ์นี้อย่างเป็นทางการ ใน ปี 1869
  • กบบินเวลเลส มีถิ่นที่อยู่อาศัยใน ป่า ของประเทศมาเลเซีย และ เกาะบอร์เนียว(ฺBorneo)
  • กบบินเวลเลส มีลำตัวสีเขียวสด และสีเหลืองบริเวณด้านข้างลำตัว มีความยาวประมาณ 10 เซ็นติเมตร
  • กบบินเวลเลส กินแมลงเป็นอาหารหลัก
  • กบบินเวลเลส ใช้ชีวิตเกือบทั้งหมดอยู่บนต้นไม้ ยกเว้นเพียงการผสมพันธุ์ และวางไข่ เท่านั้นที่ยังปฏิบัติกิจ ในน้ำอยู่
  • เมื่อ กบบินเวลเลส ถูกคุกคาม หรือ กำลังไล่ล่าเหยื่อ พวกมันจะกระโดดออกจากต้นไม้ แล้ว กางนิ้วเท้าทั้ง 4 ที่มีพังพืดออก เพื่อจับอากาศ เพื่อช่วยในการพยุงตัวในการ ร่อนตัว ไปต้นไม้ต้นอื่น หรือ ลงพื้นดิน
  • กบบินเวลเลส สามารถ ร่อน ได้ไกลกว่า 15 เมตร
  • กบบิน มีปุ่มนิ้วเท้าที่มีขนาดใหญ่กว่า กบทั่วไป เพื่อใช้ในการรองรับแรงกระแทรก เมื่อกระทบพื้น และช่วยในการยึดเกาะพื้นผิวที่กระโดดเกาะ

สิ่งที่หามานาน



             สัตว์แปลกๆ ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน เซตนี้ไปดูกบสีสวย ที่มันมีสีเหมือนกัน     น้ำนม Milk Frog หรือ Trachycephalus resinifictrix ที่มีขนาดใหญ่สุดถึง 4 นิ้ว มีสีสวยงาม อย่างกับสีนมสด ส่วนใหญ่จะพบได้ในป่าอเมซอนทางอเมริกาใต้ ซึ่งในป่าแห่งนี้มักจะมีสัตว์แปลกๆ ให้เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ
           Frog กบ เป็น สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป แต่ ธรรมชาติก็มีสิ่งที่ทำให้เราต้องประหลาดใจอยู่บ่อย เมื่อ กบ บางชนิดกับทิ้งแหล่งน้ำขึ้นไปอาศัยบนต้นไม้ แต่ต้องประหลาดใจมากขึ้นไปอีกเมื่อมี กบ บางสายพันธุ์ที่วิวัฒนาการ จนสามารถเคลื่อนที่ ถลาร่อน ไปในอากาศ ระหว่างต้นไม้ หรือ พื้นดินได้อย่างคล่องแคล่ว
Amazon นมกบเป็นที่รู้จักกันเป็นพันธกิจโกลเด้นตาต้นไม้กบหรือกบนมสีฟ้า ชื่อ "นมกบ" 
หมายถึงพิษหลั่งขาวกบนี้อาจหลั่งเมื่อถูกคุกคาม สายพันธุ์นี้มีการใช้งานมากที่สุดในเวลากลางคืนและเป็นที่รู้จักกันเปล่งเสียงดังของ ในระหว่างวันที่พวกเขานอนอยู่ในพืชผักที่สูงเหนือลำธาร มองหากบ Amazon นมของเราในโลกใหม่เขตร้อนอาคารของเรา
คำอธิบาย: 
กบต้นไม้เหล่านี้เป็นสีเทาในแสงสีที่มีรูปแบบที่สวยงามของสีน้ำตาลหรือสีดำแถบ หนุ่มสาวแสดงความคมชัดมากขึ้นซึ่งจางหายไปตามอายุ ผิวของพวกเขาก็จะกลายเป็นที่ค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อกับอายุ พวกเขาช่วง 2.5-4 นิ้วความยาว เพศผู้มีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย พวกเขามีแผ่นรองนิ้วเท้าขนาดใหญ่สำหรับการปีนเขา Trachycephalus ชื่อละตินของพวกเขาหมายถึงจมูกยาวของพวกเขาที่ใช้สำหรับการผลักดันกันใบและกิ่งก้านและช่วยให้กบออกหากินเวลากลางคืนนี้จะเหน็บตัวเองเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวแน่นในช่วงวันที่
ที่อยู่อาศัย: 
กบต้นไม้เหล่านี้ใช้ชีวิตของพวกเขาทั้งในท้องฟ้าป่าฝนเขตร้อน (ไม่ค่อยหากเคยลงไปที่พื้นดิน)
ช่วง: 
ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ (โคลัมเบีย, โบลิเวีย, บราซิล, เอกวาดอร์เปรูและเวเนซุเอลา)
อาหาร: 
แมลงแมงมุมสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ และสัตว์ครึ่งบกครึ่งขนาดเล็ก
ช่วงชีวิต: 
ถึง 25 ปีที่ 
ชีวิตครอบครัว: 
พันธุ์มักจะเกิดขึ้นในฤดูฝน (เดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคม) ที่มีหญิงวางประมาณ 2,500 ไข่ที่ฟักออกเป็นลูกอ๊อดในหนึ่งวัน

มองลงไปอีก



             ซาลาแมนเดอร์ (อังกฤษSalamanderอันดับ: Caudata, Urodela) เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่อยู่ในชั้นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ จัดอยู่ในอันดับ Caudata และ Urodela

ลักษณะและพฤติกรรม[แก้]

มีรูปร่างส่วนมากมีขา 2 คู่ และมีหาง ลำตัวสั้นและมีกล้ามเนื้อลำตัวลักษณะเป็นปล้องเล็กน้อย บางชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำมีลำตัวเรียวยาวและลดรูปของขา เช่น สกุล AmphiumaSirenOedipinaPseudobranchus ส่วนมากได้ลดรูปจำนวนชิ้นของกระดูกกะโหลก และตัวเต็มวัยมีขนาดแตกต่างกันมาก คือ ระหว่าง 3 เซนติเมตร จนถึงเกือบ 2 เมตร ตัวเต็มวัยมีบางส่วนอาศัยอยู่บนบก แต่ผสมพันธุ์ในน้ำ แต่บางชนิดก็อาศัยและผสมพันธุ์กันบนบก หรืออาศัยอยู่แต่ในน้ำและผสมพันธุ์กันในน้ำ หรืออาศัยอยู่บนต้นไม้
ซาลาแมนเดอร์ไม่มีช่องหูชั้นกลางและไมมีแผ่นเยื่อแก้วหู โครงสร้างใช้รับฟังเสียงประกอบด้วยกระดูกคอลิวเมลลา และกระดูกโอเพอคิวลัม โครงสร้างทั้ง 2 นี้อาจเป็นกระดูกอ่อนหรือเป็นกระดูกและเชื่อมต่อกับหูชั้นใน กระดูกคอลิวเมลลาใช้รับฟังคลื่นเสียงในอากาศ ส่วนกระดูกโอเพอคิวลัมที่เชื่อมต่อกับกระดูกซูปราสคาพูลาของกระดูกหัวไหล่และกล้ามเนื้อใช้รับฟังคลื่นเสียงคลื่นความถี่ต่ำในอากาศและแรงสะเทือนบนพื้นดิน อย่างไรก็ตามซาลาแมนเดอร์ในหลายวงศ์ก็ไม่มีกระดูกโอเพอคิวลัมและหรือไม่มีกล้ามเนื้อ
มีโครงสร้างทางผิวหนังเหมือนกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอันดับอื่น รวมทั้งมีต่อมเมือกและต่อมพิษใช้ป้องกันตัว ต่อมเมือกในหลายชนิดทำหน้าที่สังเคราะสารฟีโรโมนเพื่อใช้ดึงดูดเพศตรงข้ามในการเกี้ยวพาราสี ขณะที่ต่อมเมือกของบางวงศ์และบางสกุลจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เช่น วงศ์ Plethodontidaeและสกุล Notophthalmus
การสืบพันธุ์มีทั้งแบบปฏิสนธิภายในและปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ตัววัยอ่อนมีรูปร่างเหมือนวัยรุ่นและตัวเต็มวัย แต่มีเหงือกและมีโครงสร้างของร่างกายบางประการที่เกี่ยวข้องกับการอาศัยอยู่ในน้ำอยู่ เช่น มีครีบหาง มีช่องเปิดเหงือก และไม่มีเปลือกตา ไม่มีกระดูกแมคซิลลา และโครงสร้างเนื้อเยื่อชั้นผิวหนังแตกต่างจากตัวเต็มวัย ซึ่งทั้งหมดนี้จะแปรสภาพเป็นของตัวเต็มวัยเมื่อวัยอ่อนเปลี่ยนรูปร่าง เพดานปากของวัยอ่อนแปรเปลี่ยนสภาพเมื่อเปลี่ยนรูปร่างเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสัตวครึ่งบกครึ่งน้ำในอันดับนี้


  • อุณหภูมิน้ำ : 14 -20 องศาเซ็นเซียส
  • ความยาก ง่ายในการเลี้ยง : ระดับกลาง
  • ความดุ ร้ายกร้าวร้าว : ดุร้าย ไม่สามารถเลี้ยงรวมกับสัตว์ที่ตัวเล็กกว่า (ตามรูปกำลังกินปลาทอง)
  • แสงสว่าง : ไม่ต้องการ
  • ขนาดถังเลี้ยง : เล็กสุดขนาด 15 Gallons
  • อาหาร : เนื้อหัวใจวัว , ตับ , เนื้อสัตว์อื่นๆ , หนอน , ปลาเล็ก ( มันจะไม่กินอาหารที่ไม่ขยับ ต้องเอาไปแขว่งไกล้ๆปากไปมา )
  • ระบบ Filtration System : ไม่ต้องการ แต่ถ้ามีก็ดี เนื่องจากพวกมันขับถ่ายของเสียออกมาทำให้ระบบแอมโมเนียในน้ำสูงขึ้นหากไม่มีก็ต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สิ่งที่แฝงอยู่











วงศ์กิ้งก่าคาเมเลี่ยน (อังกฤษChameleonชื่อวิทยาศาสตร์: Chamaeleonidae) เป็นวงศ์ของกิ้งก่าที่ใช้ชื่อวงศ์ว่า Chamaeleonidae ที่มีรยางค์ขาและมีลักษณะจำเพาะคือ ลำตัวแบนข้างมาก หางมีกล้ามเนื้อเจริญและใช้ยึดพันกิ่งไม้ได้ บนหัวและด้านหลังของคอมีสันเจริญขึ้นมาปกคลุม นิ้วเท้าแยกจากกันเป็นสองกลุ่ม คือ 2 นิ้วกับ 3 นิ้ว และอยู่ตรงกันข้ามกัน โดยนิ้วเท้าของขาหน้าเป็นกลุ่มของนิ้วที่ 1, 2 และ 3 และกลุ่มของนิ้วที่ 4 และ 5 ส่วนนิ้วเท้าของขาหลังเป็นกลุ่มของนิ้วที่ 1 และ 2 และกลุ่มของนิ้วที่ 3, 4 และ 5 ซึ่งเป็นการปรับปรุงเพื่ออาศัยบนต้นไม้โดยใช้ยึดติดกับกิ่งไม้
นอกจากนี้แล้วยังสามารถยืดลิ้นออกจากปากได้ยาวมาก เนื่องจากกระดูกการปรับปรุงโครงสร้างของกระดูกฮัยออยด์ ตามีลักษณะโปนขึ้นมาทางด้านบนของหัวและแต่ละข้างเคลื่อนไหวเป็นอิสระจากกัน สามารถใช้ดวงตาเพียงข้างเดียวคำนวณระยะทางได้ถูกต้องแม่นยำ ซึ่งต่างจากสัตว์มีกระดูกสันหลังชั้นอื่นที่ต้องใช้ตาทั้งสองข้างถึงจะคำนวณระยะทางได้ แต่ทว่ากิ้งก่าคาเมเลี่ยนไม่สามารถที่จะมองเห็นภาพในตำแหน่งหลังหัวได้ [2]เปลือกตามีแผ่นหนังปกคลุม เกล็ดปกคลุมลำตัวมีขนาดเล็กและเรียงตัวต่อเนื่องกัน ไม่มีกระดูกในชั้นหนัง กระดูกหัวไหล่ไม่มีกระดูกอินเตอร์คลาวิเคิลและไม่มีกระดูกไหปลาร้า บางชนิดมีหางสั้นและบางชนิดมีหางยาว พื้นผิวด้านบนของลิ้นมีตุ่ม ฟันที่ขากรรไกรเกาะติดกับพื้นผิวกระดูกโดยตรง กระดูกพเทอรีกอยด์ไม่มีฟัน อีกทั้งยังถือว่าเป็นกิ้งก่าที่สามารถเปลี่ยนสีได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เพื่อใช้ในการพรางตัว กิ้งก่าคาเมเลี่ยนหากินและใช้ชีวิตในเวลากลางวัน ขณะที่กลางคืนจะเป็นเวลาพักผ่อน เซลล์เม็ดสีก็จะพักการทำงานด้วย ดังนั้นในเวลากลางคืน สีต่าง ๆ ของกิ้งก่าคาเมเลี่ยนจะซีดลง บางชนิด บางตัวอาจจะซีดเป็นสีขาวทั้งตัวเลยก็มี[2]
มีความแตกต่างกันของขนาดลำตัวมาก โดยสกุลที่มีขนาดเล็กที่สุด คือ Brookesia และRhampholeon มีความยาวของลำตัว 2.5-5.5 เซนติเมตร และสกุลChamaeleo มีขนาดลำตัวใหญ่ที่สุดโดยมีความยาวของลำตัว 7-63 เซนติเมตร ทุกสกุลทุกชนิดมีสีสันลำตัวสดใสสวยงามทั้ง เหลือง, เขียว, ฟ้า หรือแดง ยกเส้นสกุล Brookesia ที่มีสีลำตัวคล้ำ อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าและส่วนมากอาศัยและหากินบนต้นไม้ แต่ในสกุล Brookesia มีหางสั้นจะอาศัยบนพื้นดิน ออกหากินในเวลากลางวันและกินแมลงเป็นอาหารหลัก แต่ก็สามารถกินนกได้ โดยพบเป็นซากในกระเพาะของชนิดที่มีขนาดใหญ่ คือTrioceros melleri และChamaeleo oustaleti เป็นต้น ขยายพันธุ์โดนการวางไข่ แต่สกุล Bradypodion และบางชนิดในสกุล Chamaeleo ตกลูกเป็นตัว จำนวนไข่และจำนวนลูกสัมพันธ์กับขนาดตัว
กิ้งก่าคาเมเลี่ยนมีทั้งหมดด้วยกันประมาณ 140-150 ชนิด แพร่กระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริกา บนเกาะมาดากัสการ์ (โดยเฉพาะบนเกาะมาดากัสการ์จะพบได้ประมาณครึ่งหนึ่ง)[2] และบางพื้นที่ในอินเดีย และภาคพื้นอาหรับ รวมทั้งยุโรปตอนใต้ คือ สเปน และโปรตุเกส โดยเป็นกิ้งก่าที่นิยมเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยง[3]

การจับเหยื่อ[แก้]

กิ้งก่าคาเมเลี่ยนจัดได้ว่าเป็นกิ้งก่าที่มีความโดดเด่นมากในหลายอย่างที่แตกต่างจากกิ้งก่าในวงศ์อื่น ประการหนึ่งก็คือ การใช้ลิ้นยาวในการจับเหยื่อ คือ แมลง กินเป็นอาหาร โดยมีความยาวของลิ้นมากกว่าความยาวลำตัวถึง 2 เท่า ที่ปลายลิ้นจะมีก้อนเนื้อและมีสารเหนียวเคลือบอยู่ ตัวลิ้นมีกล้ามเนื้อวงแหวนขนาดใหญ่ และมีกล้ามเนื้อตามความยาวของลิ้น กล้ามเนื้อวงแหวนถูกล้อมรอบด้วยก้านกระดูกอ่อนที่เจริญจากกระดูกฮัยโอแบรนเคียม ส่วนกล้ามเนื้อฮัยโอกลอสซัสอยู่ทางด้านท้ายของลิ้น กระดูกอ่อนเอนโทกลอสซัสเป็นแผ่นกระดูกกว้างสม่ำเสมอแต่ส่วนทางด้านหน้าเรียวแคบ กลไกของการยืดลิ้น คือ ลดขากรรไกรล่างต่ำลงและยกกระดูกฮัยออยด์ขึ้นพร้อมกันกับยืดลิ้นไปข้างหน้า ในจังหวะเริ่มต้นค่อนข้างช้าต่อจากนั้นลิ้นได้ยืดออกจากปากอย่างรวดเร็วซึ่งเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้ออย่างฉับพลัน ลิ้นที่ยืดได้ยาวเนื่องจากกล้ามเนื้อวงแหวน กล่าวคือ เมื่อกล้ามเนื้อหดตัวทำให้ตัวลิ้นหดแคบลงแต่ยาวขึ้นและยาวเลยส่วนปลายของกระดูกอ่อนแอโทกลอสซัส ลิ้นที่ยืดออกจากปากมีอัตราความเร็ว 5.8 cm.sec-1 เมื่อลิ้นสัมผัสกับตัวเหยื่อ ถ้าตัวเยนื่อมีขนาดเล็กจะติดอยู่ที่ส่วนปลายของลิ้น แต่ถ้าเหยื่อมีขนาดใหญ่ ก็จะติดกับเนื้อเยื่อบนลิ้น

มหัศจรรย์สัตว์เลื่อยคลาน

                         

                       
การเลือกซื้อคาร์เมเลี่ยนimage
1. ขั้นแรกเลยต้องเลือกชนิดคาร์เมเลี่ยนตามความเหมาะสมและความต้องการของผู้ซื้อ โดยคาร์เมเลี่ยนแต่ละชนิดมีความต้องการแตกต่างกัน ผู้เลี้ยงมีความสามารถในการจัดการดูแลคาร์เมเลี่ยนชนิดไหน ได้ดีที่สุด โดยปัจจัยหลักๆจะอยู่ที่ อุณหภูมิและความชื้น สำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่นั้นควรจะเริ่มต้นจาก แพนเทอร์และเวลล์ จะดีที่สุด เนื่องจากเลี้ยงง่ายและทนทานในสภาพแวดล้อมของบ้านเรา ส่วนชนิดอื่นจำเป็นต้องเลี้ยงในห้องแอร์ หรือห้องที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงมักเลือกตามความชอบของตัวเองเสียส่วนใหญ่
2. เลือกคาร์เมเลี่ยนที่สุขภาพแข็งแรงดี ประการนี้ดูยากขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ซื้อ โดยส่วนใหญ่แล้วกิ้งก่าที่สุขภาพดีจะไม่มีอาการขาดน้ำ ตาไม่ลึกโหล ก็ใช้ได้แล้วครับ ส่วนสีสันนั้นไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ เพราะว่ากิ้งก่านั้นจะเปลี่ยนสีลำตัวได้ตลอดเวลา แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่เลี้ยงเองนั้นพบว่ากิ้งก่าก่อนตายจะแสดงสีที่สดและสวยงามที่สุดในชีวิตของมัน อีกอย่างหนึ่งครับ ผิวหนังไม่ควรแห้ง หยาบ แสดงถึงการขาดน้ำด้วยเช่นกัน
3. เลือกกิ้งก่าตัวที่สมบูรณ์ ไม่ผอมจนเห็นซี่โครง ไม่พิการ ควรมีอวัยวะทุกอย่างครบสมบูรณ์ กิ้งก่าที่สุขภาพดีจะกินอาหาร ควรสังเกตที่ท้องไม่ควรคอดกิ่ว
4. กิ้งก่าไม่ควรมีบาดแผล หรือเป็นตุ่ม ตามลำตัว
5. ไม่ควรเลือกกิ้งก่าที่ป่วยหรือเป็นโรค อันนี้สังเกตยากครับ ซึ่งสัตว์ที่ป่วยจะมีสีซีด และมีอาการเซื่องซึม ต้องดูกันดีๆ อาจดูได้จากการเคลื่อนที่ ปีนป่ายของมันว่าดูแข็งแรงหรือเปล่าก็ได้ครับ
การเลือกซื้อนั้นควรใช้เวลาในการเลือกหน่อยก็จะดีครับจะได้สังเกตอาการของกิ้งก่าได้ละเอียดหน่อย เพราะกิ้งก่าคาร์เมเลี่ยนมักเกาะตามกิ่งไม้นิ่งๆ ไม่ค่อยเคลื่อนไหวเท่าไหร่ เราคงต้องอาศัยดูพฤติกรรมต่างๆของมันเอาครับ หรือหาเพื่อนไปช่วยเลือกก็ดีครับ แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะกิ้งก่าปัจจุบันได้มาจากการเพาะเลี้ยงแล้ว ดังนั้นมันจะมีวามทนทานกว่ากิ้งก่าที่จับมาจากธรรมชาติ และทนทานต่อโรคและความเครียดต่างๆได้ดีครับ